คเณศชยันตี วันที่องค์พระพิฆเนศ ลงมาใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด ด้วยพรอันประเสร็จ มอบด้วยความรักความศรัทธาอย่างแรงกล้า

          เฉลิมฉลองวันประสูติอย่างยิ่งใหญ่ กับ เทศกาลคเณศชยันตี วันแห่งชัยชนะ วันที่พระองค์ท่านลงมาสู่โลกมนุษย์ พร้อมประทานพรแก่บุตรธิดา ที่เคารพและศรัทธา วันคเณศชยันตี วันที่ชาวฮินดูหรือหลายๆ ประเทศจะออกมาจัดงานเฉลิมฉลองในวันประสูติขององค์พระพิฆเนศ วันคเณศชยันตี เป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์พระพิฆเนศ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำ ช่วงกลางเดือนมกราคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ในปี 2567 นี้ ตรงกันวันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์  ซึ่งผู้ที่ศรัทฑธาและเคารพพระองค์ท่านจะนำขนมลาดู รวมถึงผลไม้ที่ท่านทรงโปรดปรานมาถวาย เพื่อแสดงถึงความรัก ความศรัทธา

          วันคเณศชยันตี วันที่ชาวฮินดูหรือหลายๆ ประเทศจะออกมาจัดงานเฉลิมฉลองในวันประสูติขององค์พระพิฆเนศ วันคเณศชยันตี เป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์พระพิฆเนศ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำ ช่วงกลางเดือนมกราคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ในปี 2567 นี้ ตรงกันวันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์  ซึ่งผู้ที่ศรัทฑธาและเคารพพระองค์ท่านจะนำขนมลาดู รวมถึงผลไม้ที่ท่านทรงโปรดปรานมาถวาย เพื่อแสดงถึงความรัก ความศรัทธา

          โดยตำนานเล่าว่า การอวตารของท่านในวันคเณศชยันตีนั้น เกิดจากอสูรสองพี่น้องได้บำเพ็ญตบะจนพระศิวะพอพระทัย พร้อมขอพรกับพระศิวะ “ขออย่าให้ตนทั้งสองต้องตายด้วยน้ำมือจากเทวดา กษัตริษ์ ยักษ์ นางอัปสร ทั้งศาสตรวุธคมหอกทุกชนิด และไม่มีวันตายทั้งกลางวันและกลางคืน” เมื่อได้รับพรตามที่ขออสูรทั้งสองกลับประพฤติสิ่งเลวร้าย ก่อสงครามเพื่อยึดโลก ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพเทวดาทั้งหลาย จนถูกขับออกจากสวรรค์ พอนานเข้าฝ่ายอสูรได้ทำลายศาลาและสถานที่บูชาเทพบนโลกจนเกือบหมด ด้านพรหมเทพจึงขอให้องค์พระมหาคณาธิปติ (พระพิฆเนศ) อวตารมาเพื่อปราบอสูรทั้งสองจนสำเร็จ

          ดั่งเช่นวันคเณศจตุรถีที่มีความเหมือนกับวันคเณศชยัน ตรงที่เป็นวันประสูติขององค์พระพิฆเนศ เพียงต่างกันที่ช่วงเวลาเพียงเท่านั้น และยังเชื่อกันว่าทุกเทศกาลที่ตรงกับวันประสูรของพระองค์ จะเป็นวันที่ท่านมอบพรอันประเสริฐให้แก่บุตรบริวารขององค์ท่านให้สำเร็จดั่งปรารถนา

คเณศชยันตี

          นี้คือพิธีกรรมแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้ชีวิตไร้อุปสรรค บังเกิดความสุข ร่ำรวย สมหวัง ราบรื่น กับเทศกาลคเณศชยันตี ประจำปี 2567 วันอังคาร ที่ 13 กุมภาพันธ์ ณ จักรพรรดิเทวาลัย และจากนี้ทุกคนจะมีพระองค์ท่านคอยชี้ทาง นำความสว่างให้แก่ชีวิต เพื่อความสำเร็จ เพื่อชีวิตใหม่ และเพื่อดวงใหม่ของทุกคน โดยมีอาจารย์เอ จักรพรรดิ เป็นตัวแทนนำประกอบพิธีแก่ทุกคน ในมณฑลพิธีอันศักดิ์สิทธิที่เข้มขลัง เปี่ยมด้วยศรัทธาและประณีต โดยมีองค์พระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม เป็นองค์ประทานในครั้งนี้

          ช่วงเวลา 09.00 น. ถือเป็นฤกษ์อันดีในการอัญเชิญขบวนพระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม โดยท่านพราหมณ์ Mohan (พราหมณ์ประจำจักรพรรดิเทวาลัย) และอาจารย์เอ จักรพรรดิ จากนั้นเป็นการจุดประทีป ณ ปะรำพิธี เพื่อเป็นฤกษ์เป็นชัย ขณะเดียวกันท่านพราหมณ์เป็นผู้สวดมันตรา เพื่อสื่อสารกับเทพเทวาอยู่เสมอ พิธีในวันนี้แดดค่อนข้างร้อนจัด แต่กลับเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น เพราะขณะทำพิธีได้มีลมพัดเย็นสบายเหมือนเปิดแอร์ตลอดเวลา ดั่งคลายเทพเทวาลงมาสาธุการในงานวันนี้

          หลังจากนั่งสมาธิเพื่อเตรียมจิตให้พร้อมในการทำพิธี ท่านพราหมณ์ได้เจิมหน้าผากให้แก่อาจารย์เอ ด้วยผงกุมกุมสีแดงที่เปรียบด้วยสมาธิ สติปัญญา ดั่งพราหมณ์ผู้สื่อสารกับเทพ และการเจิมด้วยข้าวสาร ที่หมายถึงความงอกเงยงอกงาม ความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมพิธีในวันนี้จะได้รับการเจิมโดยท่านพราหมณ์ Mohan ทุกคน ต่อมาเป็นพิธีสักการะองค์เทพทั้ง 21 พระองค์ เสมือนเป็นการอัญเชิญทวยเทพทุกพระองค์ลงมาประทานพรแก่ผู้ร่วมพิธี ให้ชีวิตจากวินาทีนี้เป็นต้นไป มีแต่ความสมบูรณ์ สมหวัง สมปรารถนา

          จากนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งการจัดพิธีสรงสนานพระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม โดยเริ่มจากฝ่าพระบาท พระกร พระพักตร์และพระวรกาย พิธีสรงสนานพระองค์ท่านจะต้องใช้น้ำปัญจอมฤต บรรจุด้วยหม้อน้ำกลัศ ซึ่งเป็นหม้อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์เปรียบดั่งความสมบูรณ์ เหลือเฟือ ในขณะที่อาจารย์เอกำลังสรงสนานอยู่นี้ มีความเชื่อว่า เป็นช่วงเวลาที่พระองค์จะปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกจากชีวิตของเรา เริ่มจากน้ำนมบริสุทธิ์ โยเกิร์ต เนยกี น้ำตาล และน้ำผึ้ง โดยมีท่านพราหมณ์เป็นผู้นำน้ำจากแม่น้ำคงคา ที่เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ตามเสมอ หลังจากนั้นเป็นการอัญเชิญพระองค์ขึ้นแท่นบูชา พร้อมแต่งพระวรกายให้สวยงาม ด้านอาจารย์เอได้ใช้ผงกุมกุมสีแดงและข้าวสาร เจิมที่หน้าผากของพระองค์เพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะพิธีนี้เป็นช่วงที่องค์พระพิฆเนศ ปางเศรษฐียาม ลงมาประทับ ณ ปะรำพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

          ช่วงเวลา 10.31 น.ท่านพราหมณ์ได้นำสวดบท 108 พระนามขององค์พ่อพระพิฆเนศ เพราะถือเป็นบทสวดที่พระองค์ทรงโปรดปรานมากที่สุด และพระองค์ท่านจะประทานความสำเร็จแก่บุตรธิดาทุกคน ทุกพระนามที่สวดแด่องค์ท่าน อาจารย์เอจะถวายดอกกุหลาบสีแดงแก่องค์พระพิฆเนศทุกครั้งที่เอ่ยถึงพระนามของท่านเสมอ

          หลังจากนั้นเป็นพิธีการถวายเครื่องสักการะด้วยขนมลาดู เพราะเป็นขนมที่พระองค์ทรงโปรดปรานมากที่สุด และยังเชื่อว่าผู้ที่ได้ถวายขนมลาดูจะได้รับพรอันประเสริฐจากพระองค์ ซึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญของผู้ร่วมพิธีทุกคน คือ การร่วมกันถวายขนมลาดูแด่พระองค์ด้วยตนเอง เสมือนการได้ใกล้ชิดกับผู้มากด้วยบารมี ปัญญาที่เพียบพร้อม

          เวลา 11.11 น. ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในพิธี คือ การอารตีไฟเพื่อของพรจากพระองค์ท่าน ซึ่งจะเป็นการอารตีเป็นทักษิณาวรรต คือการยกถาดอารถีขึ้นเหนือหน้าผาก พร้อมวนตามเข็มนาฬิกา ด้วยจิตที่ปรารถนาแต่สิ่งที่ดีในชีวิต เพื่อให้เกิดความมงคลสูงสุด เสมือนดวงไฟนี้เป็นดวงไฟแห่งเทพ ไฟแห่งเทวะเพื่อไฟนี้เป็นไฟที่ทำลายอุปสรรคทั้งหลายในชีวิตทุกคน ให้ไฟนี้ล้างคนไม่ดีออกจากชีวิต ให้ไฟนี้ล้างเหตุร้ายๆ ออกจากชีวิตของเราทุกคน  และให้ไฟนี้เป็นไฟแห่งแสงสว่างแห่งปัญญา นำทางชีวิตเราสู่เส้นทางแห่งความสุข ความสมบูรณ์ มั่งคั่ง เหลือเฟือ 

วสันต์ปัญจมี หรือ สรัสวดีบูชา

          เทศกาลวสันตปัญจมี วันแห่งการบูชาพระแม่สุรัสวดี เทวีแห่งความรู้ แห่งสรรพวิชา แห่งมนตราและพิธีกรรม ณ จักรพรรดิเทวาลัย

          วันแห่งการบูชาพระแม่สุรัสวดี หรือพระแม่สรัสวดี ท่านคือองค์เทพที่ได้รับการบูชามาตั้งแต่ยุคพระเวทจนถึงปัจจุบัน โดยชาวฮินดูเชื่อกันว่า หากใครที่ได้บูชาพระองค์ท่านด้วยความรัก ความศรัทธาอย่างแรงกล้านั้น พระแม่สุรัสวดีจะมอบพรอันประเสริฐด้านสติปัญญา ความรู้แก่ผู้ที่บูชา เพราะท่านคือเทวีแห่งความรู้ ความมีสติปัญญาในทุกศาสตร์วิชา ทั้งยังเป็นผู้ให้กำเนิดอักขระของอินเดีย “อักษรเทวนาครี” และบทสวดมนต์บทแรกของจักรวาล จึงถูกขนานนามว่าเทวีแห่งเวทมนตร์ คาถา และการประกอบพิธีกรรม โดยเทวาลักษณ์ของพระองค์ท่านจะทรงเครื่องดนตรี วีณา (จะเข้อินเดีย) แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งการดนตรี ศิลปะทุกแขนง พระหัตถ์อีกข้างถือ คัมภีร์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความรู้ ปัญญาและการศึกษา ส่วนลูกประคำ คือสัญลักษณ์แห่งการสวดมนต์ การทำสมาธิและการประกอบพิธีกรรม นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระชายาของพระพรหม (พระพรหม คือ ผู้สร้างโลกและผู้กำหนดชะตาชีวิตของสรรพสิ่งทั้งปวง) ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล

          วันวสันตปัญจมี คือวันที่ทุกคนจะออกมาทำกิจกรรมเฉลิมฉลอง สวดมนต์ขอพรด้านปัญญา ความรู้ ทั้งยังเป็นเทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิของชาวฮินดู ซึ่งทุกคนจะร่วมกันใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส เพื่อสื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต ในทุกหมู่บ้านจะมีการสร้างปะรำพิธีชั่วคราวขึ้นมา เพื่อให้แต่ละบ้านนำองค์ปั้นพระแม่สุรัสวดีมาประทับ ณ ที่ปะรำพิธี เพื่อให้ทุกคนได้ขอพร และสวดสรรเสริญ บ้างก็นำอุปกรณ์การเรียน การประกอบอาชีพมาวางไว้ที่หน้าปะรำพิธี เพื่อให้พระแม่สุรัสวดีเจิม เสริมความเป็นสิริมงคล

          เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ทางจักรพรรดิเทวาลัยได้จัดเทศกาลวสันตปัญจมีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้สมกับบารมีของพระแม่สุรัสวดี ทั้งร่วมกันแต่งกายด้วยชุดสีขาวสว่าง ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์  และเชื่อกันว่าเป็นสีที่พระแม่ทรงโปรดปรานมากที่สุด โดยมีท่านพราหมณ์ Mohan (พราหมณ์ประจำจักรพรรดิเทวาลัย) เป็นผู้ประกอบพิธี พร้อมด้วยอาจารย์เอ จักรพรรดิ และคณะลูกศิษย์

          วสันตปัญจมี วันแห่งการสร้างปัญญา ความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์และศิลป์ วันที่พระแม่สุรัสวดีลงมามอบพรอันประเสริฐแก่มนุษย์ จึงเป็นวันที่เหมาะสมแก่การสักการะพระแม่มากที่สุดนั้นเอง

          วันพุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ทางจักรพรรดิเทวาลัย จัดเทศกาลวสันตปัญจมี วันแห่งการบูชาพระแม่สุรัสวดี เทวีแห่งความรู้ เทวีแห่งสรรพวิชา เทวีแห่งมนตราและพิธีกรรม ซึ่งเชื่อกันว่าการได้สวดมนต์บูชาพระแม่ในวันนี้ ท่านจะประทานสติปัญญาความรู้ให้แก่เรา

          ช่วงเช้าเวลา 09:00 น. เป็นพิธีอัญเชิญขบวนพระแม่สุรัสวดีเข้าสู่ปะรำพิธี นำขบวนโดยอาจารย์เอ จักรพรรดิ และท่านบัณฑิตพราหมณ์ Mohan (พราหมณ์ประจำจักรพรรดิเทวาลัย) โดยภายในขบวนประกอบไปด้วย ถาดอินเดีย ถาดเครื่องหอม พวงมาลัยอินเดีย และถาดดอกไม้ 108 ดอก ระหว่างที่ขบวนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ปะรำพิธี เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดขึ้นถึงสองครั้ง เพราะเชื่อกันว่าผู้ที่ได้สักการะพระแม่ในวันนี้ พระแม่จะชี้นำทาง ไม่ว่าผู้นั้นจะเจอทางตันในชีวิต หรือกำลังสับสนจนหาทางออกไม่ได้ พระแม่สุรัสวดีจะทรงโปรดพร้อมมอบปัญญาให้แก่ผู้นั้น

          หลังจากท่านพราหมณ์ Mohan นำสวดบท “โอง แอง สะรัสวะตะเย นะมะฮา” ทั้ง 11 จบ พร้อมพรมน้ำมนต์ เจิมหน้าผาก และผูกสายสิญจน์ให้แก่อาจารย์เอ จักรพรรดิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลา 09:21 น. เป็นพิธีนมัสการเทพเทวาทุกพระองค์ เพื่อให้ท่านลงมาสถิตสถาน ณ ปะรำพิธี เพื่อร่วมอวยพรและเป็นสักขีพยานในการสถาปนองค์พระแม่สุรัสวดี ขณะเดียวกันผู้ร่วมพิธีได้นำดอกไม้วางที่มือขวาทับมือซ้าย ด้วยจิตที่คิดถึงแต่สิ่งที่เป็นสุข ซึ่งเป็นการสักการะด้วยดอกไม้แบบทางฮินดู พร้อมสวดยานมนตราตั้งจิตอธิษฐานถึงองค์เทพทั้ง 21 พระองค์

          เมื่อเข้าสู่ช่วงการสถาปนาองค์พระแม่สุรัสวดี ท่านพราหมณ์ Mohan จึงเริ่มสวดยานมนตรา พร้อมกันนั้นอาจารย์เอ จักรพรรดิ ใช้นิ้วโป้งขวาประทับ ณ พระอุระของพระแม่สุรัสวดีและนำผ้าที่ปิดพระเนตรออก การทำเช่นนี้เสมือนการเบิกทรัพย์เบิกสมบัติ เพื่อให้ทรัพย์ในอดีตชาติของเราปรากฏ ซึ่งในพิธีสรงสนานบนพระวรกายของพระแม่สุรัสวดีนั้น จะมีน้ำวิเศษทั้ง 5 จากตำราโบราณของชาวฮินดู ซึ่งถือเป็นน้ำที่เหมาะสมที่สุดแก่การนำมาถวายองค์เทพ ประกอบด้วย นมสด โยเกิร์ต เนยกี น้ำตาล น้ำผึ้ง ตามด้วยน้ำขมิ้น น้ำกุหลาบและน้ำที่มาจากแม่น้ำคงคา โดยทั้งหมดนี้จะมีท่านพราหมณ์เป็นผู้เตรียมไว้ให้ เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธีอภิเษก จึงเป็นเป็นการแต่งพระวรกายให้พระแม่ด้วยผ้าไหมโทนสีชมพู พร้อมประดับด้วยสังวาลเพชรพลอย ซึ่งเป็นสีที่พระแม่ทรงโปรดปรานมากที่สุด

          ช่วงเวลา 10:41 น. ท่านพราหมณ์ Mohan สวดนำพิธี โดยทุกคนจะนำดอกไม้ขึ้นจรดที่หน้าผาก พร้อมกล่าวว่า “นะ มะ ฮาห์” ในทุกครั้งที่ท่านพราหมณ์เอ่ยถึงชื่อพระแม่สุรัสวดีทั้ง 108 พระนาม ซึ่งท่านพราหมณ์จะเป็นผู้มอบดอกกุหลาบทีละดอกให้กับอาจารย์เอ เพื่อวางบนโต๊ะข้าวอักษัติตามสัญลักษณ์ของพระแม่ จนครบ 108 ดอก เพราะบทนี้เสมือนการสวดสรรเสริญแด่พระแม่สุรัสวดี และขอพรจากท่าน ต่อมาเป็นการถวายเครื่องสัมมา (ผงขมิ้น ผงเจิม น้ำหอม ซินดูแดง กากเพชร) ถวายธูปโดยวนจากขวาไปซ้าย และเทียนประทีป ณ เบื้องหน้าพระแม่สุรัสวดี พร้อมกวักควันเข้าหาพระแม่และตัวอาจารย์เอ จากนั้นเป็นการถวายขนมหวาน “อาลัวสีขาว” ผลไม้มงคล 9 อย่าง (ส้ม กล้วย แอปเปิล สับปะรด อ้อย สาลี แก้วมังกร องุ่น มะพร้าว) ซึ่งเป็นสิ่งที่พระแม่ทรงโปรดอย่างมาก โดยมีอาจารย์เอเป็นตัวแทนในการถวาย

          และช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนั่นคือ “การอารตีไฟ” ในทางศาสนาฮินดูนี้คือวิธีการขอพรที่ดีที่สุด เพราะการบูชาองค์เทพทุกพระองค์ของชาวฮินดู หากขาดการบูชาด้วยไฟในพิธีนั้นจะขาดความสมบูรณ์ทันที ซึ่งในพิธีนี้ท่านพราหมณ์จะเป็นผู้สวดนำบทอารตีไฟ โดยผู้เข้าร่วมพิธีจะยกถาดอารตีขึ้นเหนือหน้าผาก พร้อมวนตามเข็มนาฬิกาตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งที่ปรารถนา ถาดอารตีจะประกอบไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ พวงมาลัยดาวเรือง เทียนประทีป และขนมอาลัว ซึ่งตลอดพิธีการอารไฟ ทุกคนต่างอยู่ในจิตที่ตั้งมั่นด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า เพื่อให้พระแม่สุรัสวดีอวยพร พร้อมมอบความปรารถนานั้นให้เป็นจริง

          อย่างไรก็ตาม ทุกกลีบดอกไม้ที่ทุกคนใช้ถวายพระแม่สุรัสวดี ขอให้เป็นดอกไม้ที่สร้างเสน่ห์ให้กับทุกคน ให้กลายเป็นที่รักของมนุษย์ เทพเทวดา สิ่งใดที่ปรารถนาของให้ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์ทันใด ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ให้ได้กลายเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ให้หมดทุกหมดโศกหมดโลกหมดภัย นับจากนี้และตลอดไป

ติดตามข่าวสารและร่วมพูดคุยกับเราได้ที่