จักรพรรดิเทวาลัยแห่งนี้ ถูกสร้างมาเพื่อสำหรับทุกคน สามารถใช้เป็นที่พึ่งทางใจ หรือเข้ามากราบไหว้ขอพรจากองค์ท่าน อีกส่วนหนึ่ง อาจารย์เอ จักรพรรดิ มีความต้องการที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อ ไว้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมในด้านต่างๆ รวมถึงเป็นสถานที่สำหรับลูกศิษย์ ที่ต้องการเข้ามาพูดคุยให้เกิดความสบายใจ เปรียบดั่งบ้านหลังที่สองของเราทุกคน

     
          โดย “จักรพรรดิเทวาลัย” แห่งนี้ตั้งอยู่ เลขที่ 15/4 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 12แยก1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราทุกคนสามารถเข้ามากราบไหว้ขอพร หรือใครที่กำลังสับสน มีเรื่องทุกข์ใจหรือไม่สบายใจ จักรพรรดิเทวาลัยแห่งนี้พร้อมยินดีต้อนรับทุกท่าน เปรียบได้ดั่งบ้านหลังที่สอง ไว้เป็นที่พักใจ พักสมองสำหรับทุกคน

          ที่นี่ “จักรพรรดิเทวาลัย” แห่งนี้ เริ่มจากที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ ต้องการจะสร้างสถานที่ที่เราทุกคนสามารถเรียกว่าเป็น “บ้านหลังที่สอง” ได้อย่างอุ่นใจ และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ อาจารย์เอ จักรพรรดิ และลูกศิษย์สามารถมาเจอกัน พูดคุยแบ่งปันสารทุกข์สุขดิบ คลายความทุกข์ที่อยู่ในจิตใจ เหมือนเป็นสถานที่พักใจของเราทุกคน อีกส่วนหนึ่งยังใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีปรับฐานดวง พิธีลงนะหน้าทอง ฯลฯ และเป็นที่ประทับขององค์เทพที่ประทานความสำเร็จแก่ อาจารย์เอ จักรพรรดิ มานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนหนึ่งใช้เป็นสถานที่ตั้งของมูลนิธิบ้านนีออน เพื่อเด็กที่ขาดโอกาส ซึ่งมูลนิธิบ้านนีออนก็ทำมาโดยตลอด 

          หลังจากที่อาจารย์ตั้งใจ และให้คำมั่นกับตัวเองไว้แล้วว่า “จักรพรรดิเทวาลัย” แห่งนี้จะต้องเกิดขึ้น สิ่งแรกที่อาจารย์ต้องการให้มีเป็นอันดับแรก คือ องค์พ่อพระพิฆเนศและปี่เซียะจักรพรรดิ เพราะเป็นองค์เทพที่อาจารย์ให้ความเคารพนับถือ ทำให้อาจารย์เอ จักรพรรดิ มาถึงวันนี้ได้ จากความตั้งใจนี้อาจารย์เริ่มคุยกับทีมงาน ในการหาสถานที่เพื่อสร้างเทวาลัย จนอาจารย์เอ จักรพรรดิ ได้ไปเจอสถานที่ที่ถูกใจอาจารย์เป็นอย่างมาก รู้สึกเหมือนที่นี่คือบ้านของเรา 

พิธีบวงสรวงองค์ปู่นาคาจักรพรรดิ

งานพิธีเช้า

          โดยการจัดงานในครั้งนี้จะใช้เป็นสีทองทั้งหมด ร่วมถึงภาชนะที่ใช้ถวายก็ยังเป็นสีทอง เพื่อให้สมกับบารมีขององค์ปู่นาคาจักรพรรดิ เพราะองค์ปู่ท่านมีทรัพย์มาก ซึ่งจุดที่องค์ปู่ประทับอยู่นั้นยังเป็นจุดเรียกทรัพย์ของจักรพรรดิเทวาลัยอีกด้วย ส่วนการแต่งกายของผู้ที่ร่วมพิธี จะเน้นเป็นสีขาวทั้งหมด เพราะสีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์ แสดงถึงความเคารพ และความศรัทธาอย่างสูงที่สุดนั้นเอง 

          ฤกษ์พิธีในช่วงเช้าได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 06:00 น. ถือเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด ซึ่งมีอาจารย์สรวงเป็นผู้นำพิธีในวันนี้ เพราะอาจารย์สรวง คือ จอมขมังเวย์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและยังเป็นผู้สืบทอดวิชาจาก ครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีพิธีบวงสรวงครูบาอาจารย์ที่อยู่ในห้องทำพิธีของอาจารย์เอ ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างปราณีตและสวยงามดุจดั่งอยู่บนสวรรค์

               วันอาทิตย์ ที่ 16 กรกฎาคม พุทธศักราช 2566 เวลา 06:00 นาที บวงสรวงใหญ่องค์ปู่นาคาจักรพรรดิ ถือเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดในการทำพิธี

รวมภาพบรรยากาศ

พิธีช่วงบ่าย งานสงฆ์

          หลังจากพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จะเป็นพิธีสงฆ์โดยมีหลวงพ่อบุญค้ำ หรือพระครูสุวรรณธรรมมาภิรักษ์  ฉายา “ ปุญฺญูปถมฺโภ ” ภิกขุ จากวัดชัยเภรีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี และพระสงฆ์อีกสามรูปมาจากวัดบางพระ ซึ่งก็เป็นครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ที่อาจารย์เอนับถือพร้อมยังฝากตัวเป็นลูกศิษย์แก่ท่านทั้งสาม

          จากนั้นเวลา 11:00 น. เป็นการถวายเพลพระทั้งสี่รูป โดยบรรยากาศภายในพิธีเต็มไปด้วยความปราณีต และความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอาจารย์เอ ที่ต้องการจะสร้างจักรพรรดิเทวาลัยแห่งนี้เพื่อลูกศิษย์ทุกคน 

          อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มพิธีหลวงพ่อบุญค้ำยังกล่าวกับอาจารย์เอด้วยว่า “ไกลแค่ไหนก็ต้องมา เพราะในนิมิตของท่าน องค์ปู่นาคาและทวยเทพทั้งหลายได้มาฝากอาจารย์เอไว้กับท่าน” และนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลวงพ่อบุญค้ำ รับอาจารย์เอเป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วย

รวมภาพบรรยากาศ

ของบวงสรวง และการแสดง

          ส่วนของที่ใช้ถวายองค์ปู่นาคาจักรพรรดิในพิธีบวงสรวงนั้น จะใช้เป็นผลไม้มงคล 9 อย่าง ขนมมงคลอีก 9 อย่าง ตามความเชื่อจะส่งเสริมให้มีแต่สิ่งดี ๆ มีแต่ความมงคลบังเกิดแก่ชีวิต โดยเฉพาะถ้านำกลับไปรับประทาน เชื่อกันว่าจะกลายเป็นยารักษาโรคขจัดสิ่งไม่ดี ความอัปมงคลในชีวิตออกไปจากตัวเรา ซึ่งภาชนะที่ใช้ถวายยังเป็นสีทองอร่าม เพื่อให้สมกับบารมีขององค์ปู่นาคาจักรพรรดิอีกด้วย 

การแสดงจะมีทั้งหมด 2 ชุด ซึ่งแต่ละชุดจะสื่อถึงความหมายที่แตกต่างกันออกไป

          ชุดแรกมีชื่อว่า ชุมชุนพราหมณ์ หมายความถึง การรวมตัวกันของพราหมณ์ผู้ปฏิบัตดีปฏิบัติชอบ ลงมารำถวายอวยพรแก่องค์นาคาจักรพรรดิ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สถานที่

          ชุดที่สองชื่อว่า นาฏยบูชา หมายความถึง ศิลปะการแสดงร่วมสมัย โดยนำการแสดงในสมัยอยุธยามาประยุกต์กับสมัยปัจจุบัน สื่อถึงการถวายสักการะร่วมกันบูชา แก่องค์ปู่นาคาจักรพรรดิ และยังสื่อถึงการอวยพรอวยชัยแก่ทุกท่านที่มาร่วมงานบวงสรวงในครั้งนี้ 

          โดยทั้งสองชุดนั้นหากรวมกันแล้ว หมายความถึง การร่วมกันบูชา อำนวยอวยพร แสดงถึงความเคารพและความศรัทธาแก่องค์ปู่นาคาจักรพรรดินั้นเอง

เทวาลัย 100 ล้าน ปู่พญานาคต้องอยู่ที่นี่

          มีอยู่วันหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ คือ วันที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ ต้องไปงานบรวงสรวงเปิดคลินิกสปาสาขาใหม่ของคุณโบว์ หนึ่งในลูกศิษย์ของอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จ จนบังเอิญได้ไปเจอกับ “ปู่ขาว” ท่านเป็นคนที่สามารถสื่อสารกับพญานาคได้ อยู่ที่คำชะโนด โดยท่านปู่ขาวได้บอกกับอาจารย์เอ จักรพรรดิ ว่า “ในตัวของอาจารย์มีครูบาอาจารย์เยอะมาก หนึ่งในนั้นคือ ปู่พญานาคองค์ขาว” แต่ตอนนั้นอาจารย์ก็ไม่ได้เก็บไปคิดอะไรมาก จนคืนหนึ่งซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ ได้ไปพูดคุยเกี่ยวกับแบบในการสร้างองค์พ่อพระพิฆเนศ ตอนที่อาจารย์หลับอาจารย์ได้ฝันว่า เห็นปู่กับย่าท่านมาหา และบอกว่า “ที่นี่ต้องมีปู่กับย่านะ ไม่มีไม่ได้ ที่ตรงนี้เป็นที่ของท่าน” จึงทำให้อาจารย์ตัดสินใจที่จะสร้างพ่อปู่พญานาคองค์สีขาว และก็เป็นเรื่องบังเอิญเช่นกัน บ่อน้ำที่อาจารย์ตั้งใจไว้ว่าจะถม ช่างที่ดูแลเทวาลัยบอกว่าสามารถขุดให้ลึกลงไปอีกได้ ประมาณ 4.5 เมตร และสุดท้ายอาจารย์เอ จักรพรรดิ ตัดสินใจที่จะสร้างพ่อปู่พญานาคองค์สีขาว ไว้ที่จักรพรรดิเทวาลัยแห่งนี้

          ขณะเดียวกันอาจารย์เอ จักรพรรดิ ได้ตั้งจิตอธิฐานขอให้ได้เจอช่างปั้นองค์ปู่พญานาคที่มีฝีมือ จนวันหนึ่งมีคนแนะนำช่างปั้นมาหลายช่องทาง สุดท้ายได้เจอกับ “ช่างอ๊า” ซึ่งเป็นช่างปั้นพญานาคองค์เดียวกันกับที่อาจารย์เคารพ เพราะท่านประทานสิ่งต่างๆ แก่อาจารย์มาเยอะมาก ช่างอ๊าเป็นช่างปั้นพญานาค ตั้งแต่อายุ 15 ปี จากโคราช โดยปู่พญานาคองค์สีขาวจะเน้นเป็นงานปั้นสดทั้งหมด ส่วนการออกแบบองค์ปู่พญานาค ช่างอ๊าบอกกับอาจารย์ว่า จะไม่มีการออกแบบไว้ก่อนหน้านี้ แต่ช่างอ๊าจะใช้ความรู้สึก พร้อมกับดูคนที่จ้างให้ปั้นองค์พญานาค ทำให้มีความพิเศษที่ “ปู่พญานาคองค์สีขาว” จะมีแค่ที่จักรพรรดิเทวาลัยแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น 

          กระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นตอนที่อาจารย์กำลังนั่งสมาธิ คือ อาจารย์เห็นเป็นภาพในหัวว่าปู่มาให้เห็นแบบไหน มีลักษณะแบบใด จึงทำให้เกิด “ปู่พญานาคองค์สีขาว 7 เศียร” และสำหรับผู้ที่เข้ามากราบไหว้ สามารถใช้ศีรษะไปแตะที่อกท่าน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลได้อีกเช่นกัน

องค์ปู่ศรีสัตตนาคราช นาคาจักรพรรดิ

นาคาจักรพรรดิ

          นาคาจักรพรรดิ บรรดาลโชคลาภ เงินทองและความร่มเย็นแก่ผู้ที่มากราบไหว้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของอาจารย์เอ ที่ต้องการให้องค์ปู่พญานาคศรีสัตนคราชได้อยู่ที่ “จักรพรรดิเทวาลัย” แห่งนี้ เพื่อเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่ลูกศิษย์ และผู้ที่มีความศรัทธา หลังจากที่อาจารย์เอ ได้ช่างอ๊ามาเป็นคนปั้นพญานาค เพื่อให้เป็นไปตามแบบตัวอย่างคร่าว ๆ ที่อาจารย์เอเคยได้ให้ไว้กับทางช่างหลังจากที่องค์ปู่มาให้เห็นนั้น จนการปั้นเกือบแล้วเสร็จ กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกือบจะต้องทุบพญานาค นั้นก็คือ ช่วงที่อาจารย์เอไปวิปัสสนากรรมฐาน องค์ปู่พญานาคท่านมาบอกกับอาจารย์เอว่ามีส่วนตรงไหนบ้างของรูปปั้นที่ต้องแก้ไข  ผลที่ออกมาคือ ส่วนของเศียรองค์ท่าน ซึ่งไม่เป็นไปตามแบบที่องค์ปู่เคยได้มาบอกไว้ 

          หลังออกจากการวิปัสสนากรรมฐาน สิ่งที่อาจารย์ทำเป็นสิ่งแรก คือการไปหาช่างอ๊า จริง ๆ แล้วช่างอ๊าเป็นช่างที่มีฝีมืออย่างมาก แต่อาจเป็นเพราะตัวอย่างที่อาจารย์เอได้ให้ไว้แบบคร่าว ๆ นั้นไม่ชัดเจน  ทำให้เศียรขององค์ปู่ท่านออกมาไม่เป็นไปตามที่ต้องการ และอีกประการหนึ่ง ทุกครั้งที่ช่างอ๊าจะปั้นองค์ปู่พญานาคไม่ว่าที่ใดก็ตาม จะไม่มีการสเก็ตภาพให้ดู ทำให้ไม่สามารถเดาทางในการปั้นได้นั้นเอง

          อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากแพลนเดิมที่เคยวางไว้ คือวันที่อาจารย์เอกำลังนั่งสมาธิอยู่ภายในห้องพระ อาจารย์เอเห็นในนิมิตว่าองค์ปู่พญานาค ท่านมาให้เห็นว่าท่านมีลักษณะแบบไหนและสีแบบใด จากเดิมรูปปั้นพญานาคที่ช่างอ๊าปั้นเกือบสมบูรณ์ 100% ในขั้นตอนที่กำลังจะลงสีขาว ต้องเปลี่ยนเป็นสีทองแบบกระทันหัน เนื่องจากว่าองค์ปู่พญานาค มาให้เห็นว่าท่านมีร่างกายเป็นสีทองอร่าม ที่น่าเกรงขาม กลายเป็นองค์ปู่พญานาคสีทอง หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “นาคาจักรพรรดิ”

องค์ปู่ศรีสัตตนาคราช นาคาจักรพรรดิ

“พระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม”

          สำหรับองค์พระพิฆเนศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ อาจารย์เอ จักรพรรดิ ตั้งแต่แรกว่าจะต้องสร้างท่านให้ได้ และจะตั้งเป็นปางที่มีแค่ที่ “จักรพรรดิเทวาลัย” ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น โดยอาจารย์เอ จักรพรรดิ เป็นผู้ออกแบบพระองค์ท่านเองทั้งหมด ส่วนเครื่องประทับขององค์พระพิฆเนศ อาจารย์ตั้งใจว่าจะต้องเป็นทองคำแท้ ซึ่งมูลค่ารวมกันแล้วประมาณ 10 ล้านบาท หลังจากที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ ออกแบบองค์พ่อพระพิฆเนศแล้วเสร็จ จนได้เป็น “องค์พระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม” ซึ่งเป็นปางที่ร่ำรวยที่สุดในสยาม จึงไม่เหมือนใคร โดยองค์พ่อมีสูงประมาณ 2.5 เมตร ช่วยประทานพรในด้านความร่ำรวย ความมั่งคั่ง ความก้าวหน้าและความอุดมสมบูรณ์

          นอกจากเป็นที่ประทับขององค์เทพแล้ว “จักรพรรดิเทวาลัย” แห่งนี้ ยังใช้เป็นสถานที่ไว้สำหรับทำพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีกรรมปรับฐานดวง พิธีลงนะหน้าทอง ฯลฯ ส่วนห้องด้านบนสุดของจักรพรรดิเทวาลัย จะเป็นห้องของครูบาอาจารย์ ที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ สามารถเข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งด้านล่านของห้องนี้ จะเป็นห้องที่ไว้สำหรับทำพิธี จึงเปรียบได้ว่าทุกคนที่เข้ามาทำพิธีจะเหมือนอยู่ภายใต้บารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของครูบาอาจารย์ ที่คอยช่วยปกปักรักษาอำนวยอวยพรแก่พวกเราทุกคน

คเณศจตุรถี 2567

          สุดอลังการกับเทศกาลคเณศจตุรถี ปี 2567 ขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ที่มีผู้ร่วมเดินมากกว่า 3,000 คน พลังแห่งความศรัทธา องค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยาม ณ จักรพรรดิเทวาลัย ที่เราทุกคนรอคอยมามากกว่า 1 ปี จักรพรรดิเทวาลัย จัดเทศกาลคเณศจตุรถีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยขบวนแห่ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านองค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยามกลายเป็นที่รู้มากมาย ตั้งแต่มีการเปิดตัวในเทศกาลคเณศจตุรถี ปี 2566 กับองค์จำลองขนาด 9 นิ้ว ส่งผลให้มีผู้คนตั้งตารอคอยมาตลอด 1 ปีเต็ม กับองค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยาม (องค์ประธาน) ความสูงกว่า 3 เมตร ขนาดหน้าตักกว้างถึง 5 เมตร ลักษณะของพระวรกายและเครื่องประดับของพระองค์ท่าน ได้รับการออกแบบโดยอาจารย์ทนงศักดิ์ สุทธิธีรวัฒน์ ศิลปินระดับประเทศ ด้วยความตั้งใจของอาจารย์เอ จักรพรรดิ ต้องการให้ผู้ที่ได้มองพระองค์ท่านเมื่อไหร่จะต้องรู้สึกถึงความเปี่ยมด้วยบารมี ความเมตตา ความสง่างามอ่อนช้อยจากพระวรกาย และความมั่งคั่งร่ำรวยด้วยเครื่องประดับของพระองค์ท่าน 

          และในปีนี้เทศกาลคเณศจตุรถีทางจักรพรรดิเทวาลัยได้จัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม 2567 โดยเน้นเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้ทุกคนสามารถเดินทางเข้ามากราบสักการะพระองค์ท่านได้อย่างสะดวกมากที่สุด และในช่วงเวลา 00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนท่านพราหมณ์ได้เริ่มพิธีปูรวางคบูช พิธีปุณวัชณัมและพิธีรถะบูชาเพื่อเป็นการปิดทาง และเริ่มต้นสิ่งที่ดีงามตลอดเส้นทางขบวนแห่ ซึ่งมีผู้ร่วมเดินขบวนกว่า 3,000 คน ด้วยระยะทางมากกว่า 2 กิโลเมตร โดยมีจุดหมายปลายทาง คือ จักรพรรดิเทวาลัย นำโดยอาจารย์เอ จักรพรรดิ , ท่านพราหมณ์ Mohan (พราหมณ์ประจำจักรพรรดิเทวาลัย) และเครื่องดนตรีไทยประยุกต์พร้อมนางรำที่แต่งกายด้วยชุดไทยวิจิตร เพื่อสื่อถึงความเป็นเศรษฐีสยามที่ร่ำรวยที่สุดในสยามประเทศ

          ช่วงก่อนขบวนเข้าจักรพรรดิเทวาลัย ท่านพราหมณ์อินเดียประกอบพิธีปูรณกุมภและพิธีอารตี เพื่อต้อนรับพระองค์ท่านก่อนประทับ ณ เทวสถาน หลังจากนั้น ท่านพราหมณ์ Mohan นำผู้ร่วมพิธีสวดอัญเชิญองค์พระพิฆเนศและเทพเทวดาให้ท่านทั้งหลายลงมาสถิตสถาน ณ ปะรำพิธี ขณะประกอบพิธีผู้ร่วมพิธีจะนำพวงมาลัยดาวเรืองในถาดอารตีจรดที่หน้าผากเสมอ เมื่อเข้าสู่พิธีสถาปนาองค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยามนั่นคือช่วงเวลาอันสำคัญมากที่สุด เนื่องจากท่านพราหมณ์ Mohan จะเป็นผู้นำผ้าแดงที่ถูกปิดพระเนตรพระองค์ท่านออก ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่พระองค์ท่านจะเห็นเป็นสิ่งแรก คือ เหล่าสาวกผู้ร่วมพิธีในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ และเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ทำให้พรแรกที่ผู้ร่วมพิธีได้แสดงความปรารถนาออกมากลายเป็นคำปรารถนาอันวิเศษที่สุดนั่นเอง หลังจากเปิดพระเนตรของพระองค์ท่านเป็นที่เรียบร้อย ท่านพราหมณ์ Mohan จะนำกระจกมาให้พระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรพระองค์ก่อนเสมอ จากนั้นท่านพราหมณ์ Mohan ต้องเคาะกระจกให้แตก ซึ่งเป็นพิธีที่พราหมณ์ฮินดูทำต่อกันมาอย่างยาวนาน ต่อด้วยการประกอบพิธีสรงสนานแต่ด้วยองค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยามเป็นองค์ประธานขนาดใหญ่ เครื่องสรงสนานจึงต้องครบตามแบบฉบับฮินดูโบราณทั้ง 108 หม้อน้ำกลัศศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะเป็นการถวายเทวสำราญแก่องค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยามกับชื่อชุดการแสดงกำเนิดพระพิฆเนศ

          ในช่วงสุดท้ายของพิธีคือการถวายเครื่องสักการะ ได้แก่ ผลไม่ 9 อย่าง ขนมลาดู โมทกะและบริวารอย่างหนูมุสิกะ จากนั้นเป็นการถวายอารตีที่เบื้องหน้าองค์พระพิฆเนศเศรษฐีสยาม ตามความเชื่อของชาวฮินดูทุกการประกอบพิธี หากขาดการอารไฟจะถือว่าพิธีนั้นไม่มีความสมบูรณ์ทันที เพราะอารตี คือ การสักการะองค์เทพอย่างสูงที่สุด เมื่อเสร็จพิธีแล้วผู้ร่วมพิธีจะนำพวงมาลัยดาวเรื่องมาถวายองค์พระพิฆเนศเศรษฐี พร้อมเดินเข้าไปกระซิบที่หูหนูมุสิกะตามความเชื่อแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม การจัดเทศกาลคเณศจตุรถีของทุกปี คือ การเฉลิมฉลองวันประสูติของพระองค์พระพิฆเนศ ซึ่งยังเป็นวันเดียวกันกับที่พระองค์ท่านจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อประทานพรอันบริสุทธิ์แก่เหล่าสาวกอันเป็นที่รักของพระองค์ท่าน จักรพรรดิเทวาลัยจึงตั้งใจจัดเทศกาลนี้ขึ้น เพื่อให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่รวมตัวของเหล่าผู้ที่มีจุดหมายความเชื่ออันเดียวกัน ผู้ที่มีความศรัทธาและต้องการแสดงออกถึงความรักแก่องค์พระพิฆเนศอย่างเช่นเดียวกัน และทางจักรพรรดิเทวาลัยยังหวังด้วยว่าในครั้งต่อ ๆ ไปเราจะยังได้พบกันแล้วร่วมแสดงความศรัทธาต่อหน้าพระองค์ท่านอีกครั้งหนึ่ง.

พระพิฆเนศเศรษฐีสยาม

มื้อพิเศษแทนคำขอบคุณ

          อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา พวกเราทุกคนสามารถสร้างบุญใหญ่ให้สำเร็จ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งการสร้างโบสถ์ สร้างพระมหาเจดีย์มีวาสนา สร้างจักรพรรดิเทวาลัย และที่สำคัญมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาส (มูลนิธิบ้านนีออน) ทั้งหมดนี้เพราะเราเคยสร้างบุญร่วมกันมา อาจารย์ตั้งใจที่จะสร้างสิ่งนี้ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับเราทุกคน เพื่อให้เราทุกคนรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ เหมือนได้พาใจกลับมาบ้านเรา อาจารย์เอ จักรพรรดิ ตั้งใจไว้ว่า สิ่งแรกที่ทุกคนเมื่อก้าวเข้ามาที่จักรพรรดิเทวาลัยแห่งนี้ ทุกคนจะต้องรู้สึกถึงความสบายใจ เพราะมันคือความสุข และความภาคภูมิใจของอาจารย์ที่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเราทุกคน

ติดตามข่าวสารและร่วมพูดคุยกับเราได้ที่