ครั้งแรก กับงานพิธีพระลักษณ์หน้าทองสัญจร ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน พร้อมแต่งกายด้วยชุดสีขาวอันบริสุทธิ์ ณ โรงแรมอวานี จังหวัดขอนแก่น

          พิธีพระลักษณ์หน้าทอง หากเป็นคนที่เคยได้สัมผัสกับพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ จะสามารถรับรู้ถึงมนต์ขลัง และพลังบารมีของผู้ประกอบพิธี เพราะไม่ใช่ใครที่จะสืบทอดสายวิชานี้ได้ นอกจากจะต้องเป็นบุคคลที่มากด้วยทรัพย์แล้ว ยังต้องมีดวงชะตาตามที่ครูบาอาจารย์กำหนดไว้ การมีทรัพย์มาก เพื่อป้องกันไม่ให้นำสายวิชานี้ ไปหากินกับผู้อื่นที่เดือดร้อน แต่จะต้องนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

          สิ่งที่ใช้ประกอบในพิธียังต้องเป็นทองคำแท้ เพชรพลอย และมณีนพเก้าทั้งหมด เพราะล้วนแล้วมีความหมายในทางความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ อาทิ ทองคำแท้ หมายถึง ความร่ำรวยรุ่งเรือง ปกป้องคุ้มภัยอันตราย เพชร หมายถึง ความเข้มแข็ง ชัยชนะเหนือศัตรูหมู่มาร และมณีนพเก้า หมายถึง ความมงคลสูงสุดในทุกด้าน รวมถึงสิ่งดีงามในชีวิต

          ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ตั้งแต่ที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ ได้เปิดตัวพิธีพระลักษณ์หน้าทอง ด้วยค่าครูเพียงแค่ 9 บาท จนมีลูกศิษย์มากกว่า 8,000 คนที่เข้าร่วมพิธีพระลักษณ์หน้าทอง ณ จักรพรรดิเทวาลัย ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน ต่างประสบความสำเร็จ กิจการทำมาค้าขายดีขึ้นมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่อาจารย์เอ จักรพรรดิ มักสอนอยู่เสมอ คือ ความหมั่นเพียร ความอดทน และการใช้สติปัญญาที่มีให้เกิดประโยชน์ควบคู่กัน เพราะสายวิชานี้เป็นสายพระพรหมโดยตรง มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม อำนาจบารมี ทั้งทางโภคทรัพย์ และปัญญา จนทำให้ในปัจจุบัน ทุกครั้งที่มีการจัดพิธีพระลักษณ์หน้าทอง มีลูกศิษย์หลายท่านที่ไม่สามารถเดินทางมาเองได้ เพราะไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง บางคนเพราะเรื่องสุขภาพ อาจารย์เอจึงจัดพิธีพระลักษณ์หน้าทองสัญจรขึ้นในที่สุด และยังตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพื่อให้ศิษย์ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเกิดความสะดวกในเรื่องการเดินทางมากที่สุดนั่นเอง

ทำไมถึงจัดพระลักษณ์ฯ สัญจร

          พระลักษณ์หน้าทองสัญจร คือ ความตั้งใจของอาจารย์เอ จักรพรรดิ ที่ต้องการให้ศิษย์ทุกคนที่ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง ได้มีโอกาสสัมผัสกับพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยตัวเอง  ด้วยค่าครูเพียง 9 บาทเท่านั้น ที่ผ่านมาอาจารย์เอเล็งเห็นว่าลูกศิษย์ที่มาเข้าร่วมลงพิธีพระลักษณ์หน้าทอง ตั้งแต่ที่เปิดจองคิวแรกจนถึงตอนนี้ ได้ปิดจองเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่เห็นคือลูกศิษย์หลายท่านที่ต้องการมาลงพระลักษณ์หน้าทองกับอาจารย์เอ แต่ไม่มีโอกาสเพราะไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง บางคนทุนทรัพย์ไม่ถึง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางค่อนข้างแพง อาจารย์เอจึงจัดพิธีพระลักษณ์หน้าทองแบบสัญจร ที่สามารถไปได้ทุกที่ และยังตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ครบทุก 4 ภาค เพื่อให้ลูกศิษย์ที่มีความต้องการเข้าร่วมพิธีเดินทางง่ายที่สุด และสถานที่แรกที่จัดพิธีลงพระลักษณ์หน้าทองสัญจร คือ จังหวัดขอนแก่น ณ โรงแรมอวานีขอนแก่น ในวันจันทร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2567 สาเหตุที่ต้องเป็นวันจันทร์ เพราะเชื่อกันว่าเป็นจันทร์มหาเสน่ห์นั่นเอง

          โดยเปิดให้เข้าร่วมงานพิธีตั้งแต่เวลา 06.30 น. ในครั้งนี้เปลี่ยนจากการลงทะเบียน เป็นการแจกสติ๊กเกอร์ติดที่เสื้อ เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อผู้ที่เดินทางมาร่วมงานพิธี บรรยากาศภายในงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ของพิธีลงพระลักษณ์หน้าทอง ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเศียรครูองค์ต้นแบบทั้ง 9 เศียร ซึ่งสิ่งที่ทุกคนจะต้องเตรียมมานอกจากเงิน 9 บาทแล้ว ยังต้องมีดอกบัวขาว จำนวน 5 ดอก และเทียนขาว จำนวน 5 เล่ม พร้อมแต่งกายด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ 

          ก่อนเริ่มพิธีได้มีการอัญเชิญขันครู และชุดพระลักษณ์หน้าทองเข้าสู่ปะรำพิธี ที่ถูกทำขึ้นมาด้วยทองคำแท้เพชรอัญมณีนพเก้าบริสุทธิ์ พร้อมกันนั้น ทุกคนต่างร่วมกันสวดคาถานมัสการครูก่อนเริ่มประกอบพิธี เสมือนการแสดงถึงความเคารพต่อครูบาอาจารย์ โดยจะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาสำหรับการทำพิธีพระลักษณ์หน้าทอง อาทิ รอบเช้า รอบบ่ายและรอบเย็น

          หลังจากที่อาจารย์เอไหว้เจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเวลา 09.00 น. จึงได้ฤกษ์ในการเริ่มพิธีอย่างสมบรูณ์ ซึ่งก่อนเริ่มพิธีอาจารย์เอยังกล่าวกับทุกคนด้วยว่า “ครั้งนี้เป็นการทำพระลักษณ์หน้าทองสัญจรครั้งแรก และตั้งใจไว้ว่าอยากมาทำที่อีสานบ้านเฮา จึงเลือกที่จังหวัดขอนแก่น เลยคิดว่าน่าจะมีลูกศิษย์หลายคนที่อยากจะลงพระลักษณ์หน้าทอง แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง อาจจะไม่สะดวกเรื่องการเดินทางไปกรุงเทพฯ เลยตัดสินใจทำพิธีพระลักษณ์หน้าทองสัญจร เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ทุกคน”

          โดยการประกอบพิธีนั้นจะเข้าไปทีละ 5 คน เพื่อสวดคาถา แปะแผ่นทองและครอบพระลักษณ์หน้าทอง ส่วนในขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการป้อนขนมตระกูลทอง อย่างทองหยอดที่สื่อถึงความเป็นสิริมงคล ทำสิ่งใดพูดสิ่งใดก็กลายเป็นเงินเป็นทอง สำหรับเงินค่าครู 9 บาทของทุกคนนั้น จะถูกนำไปสมทบทุนเพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม ที่กรุงเทพมหานครฯ เพื่อให้เป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่แก่ทุกคน

          ส่วนรอบบ่ายและรอบเย็น ตอนแรกอาจารย์เอตั้งใจไว้ว่าจะเป็นการลงนะหน้าทอง เพราะถ้าเป็นพิธีลงพระลักษณ์ฯ จะต้องใช้เวลาเกือบถึง 5 ทุ่ม แต่พอเห็นว่าศิษย์ทุกคนที่เดินทางมาร่วมพิธีไม่ได้มีแค่คนจังหวัดขอนแก่นเพียงเท่านั้น แต่มาจากทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ รวมถึงประเทศลาว ยังเดินทางมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ จึงทำให้อาจารย์เอตัดสินใจว่า จะต้องลงพระลักษณ์หน้าทองให้กับทุกคนที่เข้าร่วมพิธี เพื่อให้สมกับความตั้งใจของศิษย์ทุกคน ซึ่งพุทธคุณของการทำพระลักษณ์หน้าทอง ทั้งเน้นด้านโภคทรัพย์ เมตตารายบุคคล รวมถึงการเจรจาด้านค้าขาย การต่อรองให้สำเร็จง่ายมากขึ้น ช่วยเสริมดวงชะตาชีวิต ค้ำดวง เนื่องจากเป็นสายวิชาพระพรม เพราะเชื่อว่าท่านคือผู้กำหนดชีวิตของสรรพสิ่งทั้งปวง 

พระลักษณ์สัญจร เชียงใหม่

          อาจารย์เอเลือกจัดพิธีที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติคุ้มคำ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันจันทร์ ที่ 18 มีนาคม 2567  แต่ครั้งนี้ช่วงเช้า จำนวน 300 คนแรก จะเป็นการลงพระลักษณ์หน้าทอง หลังจากนั้นคือพิธีลงนะหน้าทอง ซึ่งทั้งสองพิธีนี้จะมีความแตกต่างกันตรงที่ พิธีพระลักษณ์ฯ จะเป็นการครอบหน้าด้วยพระลักษณ์หน้าทองและป้อนทองหยอด ส่วนการลงนะจะไม่มีดั่งที่กล่าวไปข้างต้น แม้การประกอบพิธีจะแตกต่างกัน แต่ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ด้านพุทธคุณไม่ต่างกันแม้แต่น้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่ตัวผู้เข้าร่วมพิธีด้วยว่า จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไปในทางที่ถูกที่ควรมากแค่ไหน 

          เมื่อถึงฤกษ์อันเป็นมงคลในการประกอบพิธี อาจารย์เอและทีมงาน ร่วมกันอัญเชิญชุดพระลักษณ์หน้าทองของครูบาอาจารย์สู่ห้องประกอบพิธี สิ่งแรกที่ต้องทำคือการไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าบ้านเจ้าเรือน เพื่อขออนุญาตในการทำพิธีลงพระลักษณ์หน้าทอง ให้ท่านเปิดทางแก่เทพเทวา ครูบาอาจารย์ให้อำนวยอวยผลแก่ผู้ร่วมทำพิธีในครั้งนี้ โดยบรรยากาศภายในพิธีอบอวลไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ความสงบด้วยจิตที่นึกคิดแต่สิ่งที่เป็นกุศล จิตที่ปรารถนาให้เป็นจริง ด้วยแรงศรัทธาที่เปี่ยมล้น

          การประกอบพิธีพระลักษณ์หน้าทองทุกครั้ง สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย คือขันครู ประกอบด้วยหมากพูล ดอกไม้ ธูป เทียน ฯลฯ ซึ่งครูบาอาจารย์แต่ละที่จะมีไม่เหมือนกัน แต่นิยมเรียกกันว่า ขันครู หมายถึง เครื่องสักการะบูชาครูบาอาจารย์ที่ท่านได้สอนวิชา และสิ่งที่ใช้ประกอบพิธีพระลักษณ์หน้าทองทั้งหมดนั้น ได้ผ่านการปลุกเสกมาจากครูบาอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ทุกคน 

          แต่ละครั้งที่อาจารย์เอจัดพิธีลงพระลักษณ์หน้าทอง จะมีลูกศิษย์มาจากทั่วทุกสารทิศเกือบหลักพันถึงสามพันเสมอ และมีผู้สำเร็จสมหวังในชีวิตจำนวนมาก แต่สิ่งที่ทุกคนได้รับโดยทันทีจากการมาเข้าพิธี คือ กำลังใจในการใช้ชีวิต เพื่อเดินตามความฝันดั่งที่ตั้งใจ และเชื่อว่า ทุกคนต่างต้องการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเสมอ อาจารย์เอจึงตั้งใจทำพิธีโดยไม่มีการแบ่งแยกฐานะทางการเงิน อาชีพ ด้วยค่าครูเพียง 9 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด อาจารย์เอ จักรพรรดิ ยังกล่าวด้วยว่า  “ตนไม่ใช่จอมขมังเวท เพียงแต่อาศัยบารมีครูบาอาจารย์และความตั้งใจในทุกพิธี เพราะอย่างน้อยสิ่งที่อาจารย์ทำนั้น ศิษย์ทุกคนมีทั้งรอยยิ้มและกำลังใจ พร้อมแรงใจในการเดินต่อ” และทุกก้าวที่อาจารย์เอเดินไปห้องทำพิธี คือทุกก้าวแห่งความตั้งใจที่จะให้พิธีนี้ส่งผลดีกับทุกคนอีกด้วย

ติดตามข่าวสารและร่วมพูดคุยกับเราได้ที่