การจัดงานทุกพิธีหากขาดการบูชาพระพิฆเนศ งานนั้นจะไม่ส่งผลสำเร็จใดๆ เพราะพระองค์คือปฐมเทพ ก่อนเริ่มงานจึงต้องมีการอัญเชิญองค์พระพิฆเนศเข้าสู่พิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากจุดธูปเทียนสักการะองค์พระพิฆเนศเสร็จเรียบร้อย อาจารย์เอและท่านพราหมณ์นำทุกคนเข้าสู่สมาธิ เพื่อเตรียมจิตก่อนเข้าพิธี เพื่อให้จิตที่บริสุทธิ์พร้อมรับพรอันประเสริฐจากพระศิวเทพ
สำหรับจักรพรรดิเทวาลัย ถือเป็นครั้งแรกที่จัดพิธีตอนกลางคืน ทำให้บรรยากาศยิ่งดูเข้มขลังมากขึ้น โดยผู้มาร่วมงานเป็นลูกศิษย์ที่ได้จองบูชาองค์พระพิฆเนศ ปางเศรษฐีสยาม เนื่องจากพระองค์เป็นบุตรของพระศิวะ เพื่อให้ทุกคนได้รับพรอันประเสริฐครบสมบูรณ์จึงต้องมาร่วมพิธีในวันนี้
หลังจากที่อาจารย์เอ ใช้นิ้วโป้งประทับที่หน้าอกของพระศิวเทพ หรือเรียกว่า “การสถาปนาองค์พระศิวะ” นั่งเอง จากนั้นเข้าสู่พิธีสรงสนานด้วยน้ำปัจอมฤต ซึ่งถือเป็นนำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ตามความเชื่อทางฮินดู ได้แก่ นมสด โยเกิร์ต น้ำคงคา เนยกีและน้ำผึ้ง ความพิเศษของพิธีกรรมในครั้งนี้ทุกคนที่มาร่วมพิธี ได้มีโอกาสสรงศิวลึงค์ด้วยตนเองเพื่อขอพรจากพระศิวะ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ชาวฮินดูให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ เชื่อว่านี้คืออำนาจแห่งการสร้างสรรค์ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความอุดมสมบูรณ์ต่อพื้นแผ่นดินโลก และพืชพันธุ์ธัญญาหารในโลกอีกด้วย
หลังจากที่องค์พระศิวะ ปางอรธนารีศวร แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจารย์เอรับหน้าที่เป็นผู้เจิมหน้าผากพระองค์ท่านด้วยผงวิภูติ พร้อมกับข้าวสารบริสุทธิ์ จากนั้นเป็นพิธีสวดสรรเสริญทั้ง 108 พระนามขององค์ท่าน พร้อมร่วมกันถวายเครื่องสักการะ อาทิ ผลไม้มงคล 9 อย่าง ขนมบัฟฟินที่องค์พระศิวะทรงโปรดปรานมากที่สุด
ในช่วง “พิธีโฮมมัม” เป็นหนึ่งในพิธีบูชาพระเป็นเจ้าทางศาสนาฮินดู โดยพราหมณ์จะนำสิ่งของเครื่องบูชาต่างๆ ลงไปเผาในกองไฟที่ลุกโชน ซึ่งถือเป็นการถวายเครื่องบูชาผ่านทางพระอัคนี (ไฟ) ไปสู่พระศิวะ เป็นไฟแห่งเทวะเพื่อให้ไฟเหล่านี้ เผาผลาญสิ่งไม่ดีออกไปจากบุตรผู้ศรัทธาแด่พระองค์ท่าน ในช่วงที่ไฟกำลังลุกโชนนั้น หมายถึง องค์พระศิวะได้เสด็จลงมาแล้ว สำหรับการถวายอัคนีเทพจะต้องใช้นิ้วโป้ง นิ้วกลาง และนิ้วนางเพื่อหยิบสิ่งของ ซึ่งการถวายจะต้องหงายมือขึ้นแล้วปล่อยสิ่งของลงสู่ปล่องไฟ ซึ่งทุกครั้งที่ปล่อยลงสู่ปล่องไฟทุกคนจะต้องกล่าวว่า “สะวาหะ” พร้อมกัน จากนั้นเป็นการเดินรอบกองไฟตามเข็มนาฬิกา 3 รอบเป็นอันเสร็จพิธีในการบูชาองค์พระศิวเทพ เทพแห่งการทำลายล้าง นั้นหมายถึงสิ่งเลวร้ายในชีวิตจะมลายหายไป พร้อมนำสิ่งใหม่ที่ดีกว่ามาทดแทน
สุดท้ายนี้ ขอให้ไฟแห่งเทวะจงเผาผลาญสิ่งไม่ดี เผาผลาญอุปสรรค เผาผลาญคนร้าย โรคร้าย เหตุการณ์ร้ายๆ ออกจากชีวิตทุกคน เพื่อให้ชีวิตของเราทุกคน ทุกพื้นที่ ทุกวินาที มีแต่ความงอกเงยงอกงาม อุดมสมบูรณ์ตลอดไป “โอม นะมะศิวายะ”