โดยปีนี้ “วันเสาร์ 5” ตรงกับวันเสาร์ ที่ 13 เมษายน 2567  ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 เรียกว่าเป็นวันที่ฤกษ์สมบูรณ์ที่สุด และยังตรงกันวันปีใหม่ไทยที่เหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ อีกทั้งเป็นปีมะโรงหรือปีมังกรที่เชื่อกันว่ามีทั้งอำนาจ ความเป็นใหญ่แห่งผู้นำมากด้วยทรัพย์บารมี ฉะนั้น จึงมีความรุนแรงในด้านพุทธคุณ ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งหากเป็นการทำพิธีพุทธาภิเษกเครื่องรางของขลัง จะยิ่งบังเกิดอิทธิฤทธิ์ด้านมหาอำนาจมหาอุจจ์ เหนือศัตรูหมู่มารกว่าฤกษ์ปรกติ ซึ่งในวันเสาร์ 5 นี้เองที่คนส่วนใหญ่นิยมประกอบพิธีสำคัญกันในช่วงนี้

          สำหรับจักรพรรดิเทวาลัย ได้จัดพิธีบูชาดาวเสาร์ เพื่อเป็นการเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งมีพระอาจารย์เกจิชื่อดังอย่าง ครูบาเต (พระอาจารย์เตชรังสี) วัดสันมะเกี๋ยง จังหวัดเชียงใหม่ , พระหลวงศักดิ์ (ชณศักดิ์ สุขวฺฑโณ) วันเขาปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ประกอบพิธีเสาร์ 5 ในครั้งนี้

          พิธีเสาร์ 5 ของจักรพรรดิเทวาลัยจะเด่นด้านทรัพย์แล้ว อิทธิคุณด้านอำนาจ เมตตา บริวาร และหนุนดวงก็แรงเช่นกัน เนื่องจากพระเกจิที่ประกอบพิธีในวันนี้ ท่านเด่นด้านดวงแคล้วคลาด บารมีเหนือศัตรู ทั้งคุณไสยสิ่งชั่วร้าย เมตตามหานิยมนั่นเอง

          จักรพรรดิเทวาลัย จัดพิธีไหว้รับดาวเสาร์ ถือเป็นดาวเคราะห์ใหญ่ ที่นักโหราศาสตร์ต่างเกรงกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากเตรียมตัวดีอำนาจของดาวเสาร์ ย่อมส่งผลดีต่อดวงชะตาผู้นั้น

          วันเสาร์ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีมะโรง เป็นมหาฤกษ์มงคล ซึ่งตรงกับวันที่ดาวเสาร์เกิดการโคจรย้ายลัคนาราศี ส่งผลให้ดวงชะตาของทุกราศี เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จักรพรรดิเทวาลัยจึงจัดพิธีไหว้รับดาวเสาร์ เพื่อเป็นการเสริมดวงชะตา รับพลังด้านดีจากดาวเสาร์ให้แคล้วคลาด ดวงเหนือศัตรู

พิธีบอกกล่าวเทวดาจตุโลกบาลทั้ง 4

          โดยพิธีแรกเริ่มช่วงเวลา 07.00 น. พิธีการไหว้บอกกล่าวท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้แก่ ท้าววิรุฬหก ประจำทางทิศใต้ , ท้าววิรูปักษ์ ประจำทางทิศตะวันตก , ท้าวเวสสุวรรณ ประจำทางทิศเหนือ รวมถึงอัญเชิญพระแม่ธรณี พระภูมิเจ้าที่ และเทวดาทุกพระองค์ ส่วนกระทงที่ใช้ประกอบพิธีจะมีสีที่ต่างกันออกไป ตามเทวดาแต่ละพระองค์เพื่อเป็นการเบิกฤกษ์ โดยท่านอาจารย์แทนคุณ บุญเศรษฐี ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในพิธีโบราณทางล้านนา ซึ่งจะต้องทำกลางแจ้งเพื่อเป็นการบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ท่านลงมาปกปักรักษาดวงของทุกคน ทั้งอำนวยอวยพรให้ทุกคนที่มาร่วมงาน รวมถึงผู้ที่ฝากดวงเข้ามา ให้ประสบพบเจอแต่สิ่งดีงาม รอดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย ภยันตราย อำนาจด้านมืด และอำนวยให้ตลอดทั้งพิธีราบรื่นจนเสร็จสิ้นพิธี

พิธีเทียนชัยมหามงคล พลิกดวงมหาเศรษฐี

          เวลา 08.00 น. พิธีจุดเทียนมหามงคลพลิกดวงเศรษฐี คือ สายวิชาล้านนาที่สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ครั้นโบราณ พระผู้ทำพิธีจะเป็นสายล้านนา ได้แก่ พระครูปลัดสุรเชษฐ์ เตชรังสี  เจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง, พระครูพิศาลชัยสถิต  เจ้าอาวาสวัดแม่ตอน ,พระครูชัยวัฒน์สุนทร  เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน,พระครูปลัดเฉลิมพล  สุทธเมธี เจ้าอาวาสวัดสันโป่ง,พระครูอดุลอินทวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง,พระครูใบฎีกาจักรกฤษ เทวธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง,พระมานพ ทีปงฺกโร รองเจ้าอาวาสวัดป่าเหมือด,พระหาญ  ฐิตรํสี วัดสันมะเกี๋ยง ,พระอาทิตย์ อนาวีโล วัดสันมะเกี๋ยง โดยมีอาจารย์เอเป็นผู้จุดเทียนชัย (เทียนประจำดวง) พร้อมถวายขันครู ตามด้วยการจุดเทียนทั้งหมด 27 เล่ม

          ขณะที่เทียนถูกจุดขึ้น พระอาจารย์สายล้านนาจะบริกรรมคาถาจนกว่าพิธีจะเสร็จสิ้น ตัวไส้เทียนทั้งหมดที่ใช้ประกอบพิธีจะถูกลงอักขระยันต์มนต์ตราไว้ เพื่อความเป็นสิริมงคง พร้อมผูกกับดวงของทุกคน  ในอดีตการเขียนยันต์ของไทยถูกสืบทองมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่ศาสนาพราหมณ์เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ช่วงที่พุทธศาสนาเข้ามาในสังคมล้านนา เกิดการผสมผสานกันกับศาสนาพราหมณ์ถึงยุคพม่า และล้านนา โดยยันต์เทียนสามารถแบ่งได้ทั้งด้านดีและร้าย ในการเขียนยันต์เทียนจะต้องระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้ที่บูชาจะต้องปฏิบัติตามคำสอนของทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย 

พิธีจุดเทียน 5 มหาเศรษฐี

          ส่วนด้านศิษย์ที่มาร่วมพิธี เริ่มนำสายสิยจน์มงคลมาคล้องที่ศีรษะตนเองก่อนเริ่มทำพิธี โดยมีทีมงานช่วยกันจุดเทียนฟั่น จำนวน 2,000 เล่ม ในพิธีจุดเทียน 5 มหาเศรษฐี คือการน้อมนำบารมีของเศรษฐีทั้ง 5 พระองค์ตั้งแต่สมัยพุทธกาล มาหนุนนำดวงแก่ศิษย์ทุกคน เพราะเศรษฐีทั้ง 5 ล้วนเป็นผู้มีทรัพย์มหาสาร เป็นผู้ที่สำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม และเศรษฐีทั้ง 5 ที่กล่าวมานั้นได้แก่ โฆสกะเศรษฐี , อนาถบิณฑิกะเศรษฐี , โชติกะเศรษฐี  , เมณฑกะเศรษฐี , ชฏิลเศรษฐี ข้อห้ามในการจุดเทียนชัยแต่ละครั้งคือห้ามดับเป็นอันขาด จะต้องรอจนกว่าเทียนเล่มดังกล่าวจะละลาย และดับด้วยตัวเอง

          ความแตกต่างของเทียนล้านนากับเทียนธรรมดา คือ ทั้งเล่มจะใช้สีผึ้งแม้ทั้งหมดจากธรรมชาติ ด้วยการหุงเทียนขึ้นมาพร้อมปั้นขึ้นรูปจนกลายเป็นเทียนฟั่นทางล้านนาในที่สุด

          ซึ่งพิธีการจุดเทียนล้านนาดั่งการได้รับอานิสงฆ์ถึง 3 อย่าง คือ อานิสงฆ์ถวายพระพุทธเจ้า อานิสงฆ์อักขระเลขยันต์จากครูบาอาจารย์ที่เขียนขึ้นภายในไส้เทียน อานิสงฆ์จุดบูชาค้ำดวง เบิกดวงพลิกร้ายให้กลายเป็นดี ให้สิ่งดีเหล่านี้ทวีคูณมากขึ้น

พิธีตักบาตรเพล

          จากนั้นเวลา 09.00 น. ถวายเพลพระทั้งหมด 9 รูป ต่อด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือ บทสวดสำคัญที่มีความหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความดีงาม เสมือนการเพิ่มฐานบุญใหม่ที่ดีกว่าเดิม เตรียมพร้อมรับความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

พิธีสืบชะตาหลวงดวงจักรพรรดิ

          อีกหนึ่งพิธีสำคัญ คือ พิธีสืบชะตาหลวงดวงจักรพรรดิ โดยมีไม้ค้ำดวงสูงถึง 4 เมตร จากเชียงใหม่ เป็นพิธีที่ชาวล้านนานิยมทำในโอกาสต่างๆ เพื่อต่อดวงชะตาและอายุให้ยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เป็นพิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของทางภาคเหนือ เพราะผู้ที่จะประกอบพิธีนี้ได้ ต้องเป็นบุคคลที่ร่ำเรียนวิชานี้มาจากครูบาอาจารย์สายล้านนาเท่านั้น ซึ่งในอดีตเชื่อกันว่า การประกอบพิธีสืบชะตาหลวง เป็นพิธีที่สามารถเปลี่ยนดวงชะตาจากร้าย กลายเป็นดีได้ ใครที่เจอเรื่องไม่ดี อับโชคหรือดวงตก มักจะนิยมเข้าพิธีสืบชะตาหลวง เพื่อแก้เคล็ดหรือเสริมชะตานั่นเอง   

          ขณะที่พิธีสืบชะตาหลวงกำลังดำเนินอยู่ พระครูสังฆกิจพิมล (ชณศักดิ์ สุขวฑฺฒโน) หรือหลวงศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุชัยมณีศรีฆะโลก (วัดเขาปูน) จ.นครศรีธรรมราช ได้ปลุกเสกตะกรุดปรับฐานดวง รุ่นเสาร์ 5 ให้กับทุกคน เนื่องจากความมีอิทธิฤทธิ์ของวันเสาร์ 5 จะช่วยเสริมพุทธคุณด้านแคล้วคลาด อำนาจและบารมีให้กับตะกรุดปรับฐาน ให้ดวงของเราแข็ง ทำการสิ่งใดมักสำเร็จ ดวงเหนือศัตรูหมู่มาร เคราะห์กรรมทั้งไร้ไม่เข้ามากล้ำกราย ทั้งเจ้ากรรมนายเวร ผีร้ายสรรพสิ่งต่างๆ ทำให้บรรยากาศภายในพิธีหรือแม้แต่ห้องครูที่ใช้ประกอบพิธีปลุกเสกตะกรุด เต็มไปด้วยความขลัง ของบารมีครูบาอาจารย์และอำนาจของบุญวาสนาของผู้ร่วมพิธี

บวงสรวงปู่นาคาจักรพรรดิ

          เมื่อช่วงเวลาแห่งการขอทรัพย์จากปู่นาคาจักรพรรดิมาถึง หรือเรียกว่า การบวงสรวงขอทรัพย์ปู่นาคาจักรพรรดิ สิ่งที่ใช้ประกอบพิธีทั้งหมด ล้วนทำมาจากเพชรพลอยแท้ ตั้งแต่เครื่องประดับที่ใส่ สังฆ์และบัณเฑาะว์ โดยมีอาจารย์เอเป็นผู้ทำพิธีให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน เมื่ออาจารย์เอเริ่มอ่านโองการบวงสรวง

          จากที่อากาศร้อนอบอ้าว กลายเป็นมีลมเย็นพัดเข้ามาภายในลานพิธี จากที่ฟ้าปิดมีเมฆมากกลายเป็นเปิด และมีแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความขลัง จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาทั้งหลายอยู่ตรงเบื้องหน้าของผู้ร่วมพิธี ด้วยจิตใจที่เป็นกุศล สิ่งที่ปรารถนาทั้งทรัพย์ โชคลาภ บารมีจะหลั่งไหลเข้ามาหาผู้ที่มีจิตอันบริสุทธิ์

พิธีหนุนโลกธาตุ (ปลุกเสกดวงผ่านสายสิญจน์)

          พิธีสุดท้ายอันศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญคือ พิธีหนุนโลกธาตุ จากพระครูสังฆกิจพิมล (ชณศักดิ์ สุขวฑฺฒโน) หรือหลวงศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุชัยมณีศรีฆะโลก (วัดเขาปูน) จ.นครศรีธรรมราช  เพื่อให้ดวงทุกคนพร้อมรับสิ่งดีงาม ความเป็นสิริมงคลสูงสุด เนื่องจากท่านคือพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่เด่นด้านการหนุนดวง ดูแลดวงให้กับลูกศิษย์ 

          ขณะที่ท่านกำลังทำพิธี ผู้ร่วมงานทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความเข้มขลัง บางคนที่โดนสิ่งไม่ดีเข้าตัวอาการแปลกๆ ก็แสดงออกมา บางคนปิติจนถึงขั้นน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว หลังจากเสร็จพิธีท่านพระอาจารย์หลวงศักดิ์ กล่าวอวยพรให้ศีลแก่ผู้ร่วมงาน พร้อมด้วยการแจกยันต์จากพระอาจารย์หลวงศักดิ์(วัดเขาปูน) เอง ซึ่งเป็นยันต์ที่มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

ติดตามข่าวสารและร่วมพูดคุยกับเราได้ที่